ระยะของการนอนหลับคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญ?

พวกเราหลายคนรู้อยู่แล้วเกี่ยวกับความสำคัญของการนอนหลับ แต่คุณทราบเกี่ยวกับการนอนหลับสี่ระยะและบทบาทของแต่ละระยะหรือไม่?

ปริมาณการนอนหลับที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย คือการนอนหลับระหว่างเจ็ดถึงเก้าชั่วโมงอย่างมีคุณภาพและไม่ถูกรบกวน การบรรลุเป้าหมายนี้จะทำให้ร่างกายและสมองของคุณสามารถฟื้นตัวได้เต็มที่และกลับมามีพลังอีกครั้ง ระหว่างการนอนหลับ ร่างกายของคุณจะซ่อมแซมกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่เสียหาย เซลล์ของคุณจะเติบโตและแบ่งตัว และสมองของคุณจะประมวลผลข้อมูลที่ได้รับในวันนั้น

การนอนหลับมีระยะที่แตกต่างกัน และคุณผ่านแต่ละระยะระหว่างสี่ถึงหกครั้งในแต่ละคืน (ตราบใดที่คุณนอนหลับโดยไม่ถูกขัดจังหวะ) แต่ละระยะมีความสำคัญต่อการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพและการฟื้นฟูในตอนกลางคืน

ระยะการนอนหลับและความสำคัญ

การนอนหลับมีสี่ระยะหลัก ๆ โดยแต่ละระยะมีระยะเวลาต่างกันและเกี่ยวข้องกับรูปแบบคลื่นสมองที่แตกต่างกัน

ระยะที่ 1 - non-REM N1 นาน 1 ถึง 5 นาที

ระยะที่ 2 - non-REM N2, นาน 10 ถึง 60 นาที

ระยะที่ 3 - non-REM N3, นาน 20 ถึง 40 นาที

ระยะที่ 4 - REM sleep, นาน 10 ถึง 60 นาที

ระยะที่ 1 - Non-REM N1

Non-REM N1 เป็นระยะที่เกิดขึ้นเมื่อคุณหลับครั้งแรกและเกิดขึ้นเป็นเวลาประมาณ 1-5 นาที ร่างกายยังไม่ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ในระยะนี้ และการทำงานของสมองยังไม่ลดลงเต็มที่ การตื่นนอนในระยะนี้เป็นเรื่องง่าย

ระยะที่ 2 - Non-REM N2

ในระยะที่สองของการนอนหลับ ร่างกายของคุณจะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเล็กน้อย การหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจจะช้าลง และอุณหภูมิร่างกายจะลดลงเล็กน้อย คลื่นสมองของคุณก็กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และการเคลื่อนไหวของดวงตาของคุณจะหยุดลง ระยะนี้อาจเกิดขึ้นเป็นเวลาเพียง 10 นาทีในช่วงเริ่มต้นของคืน แต่จะนานขึ้นในช่วงวงจรการการนอนหลับที่ตามมาในคืนเดียวกัน

ระยะที่ 3 - Non-REM N3

N3 เป็นที่รู้จักกันในระยะหลับลึก ในช่วงวงจรการนอนหลับระยะนี้ กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลายอย่างเต็มที่ และอัตราการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจจะต่ำที่สุด การทำงานของสมองคุณมีการแสดงลักษณะเฉพาะของคลื่นเดลต้า และเป็นการยากที่จะตื่นขึ้นเมื่อคุณอยู่ในช่วงวงจรการนอนหลับนี้ คิดว่าการนอนหลับลึกที่คุณพบใน N3 นั้นมีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูร่างกายและการเจริญเติบโต

Stage 4 - REM sleep

REM ย่อมาจาก Rapid Eye Movement ซึ่งหมายถึงระยะของการนอนหลับที่การทำงานของสมองคุณเพิ่มขึ้น และในการสแกนด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (fMRI) เชิงฟังก์ชัน คลื่นสมองจะคล้ายกับการทำงานของสมองเมื่อคุณตื่น

การนอนหลับระยะนี้มีความจำเป็นสำหรับการประมวลผลอารมณ์และความทรงจำ นอกจากนี้ยังเป็นระยะของการนอนหลับที่คุณได้สัมผัสกับความฝันที่สดใสที่สุด ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา ระยะเวลาที่คุณอยู่ในการนอนหลับแบบ REM จะเพิ่มขึ้นในช่วงกลางคืนเมื่อคุณผ่านแต่ละระยะของวงจรการนอนหลับที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา